เทรดเดอร์ที่เข้ามมาเทรดในตลาด Forex นั้น ต่างก็มีเทคนิคการเทรดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์สายเทคนิค ที่ใช้อินดิเคเตอร์หลายอันเพื่อช่วยในการหาจุดเข้าออเดอร์ หรือสายข่าวที่จะพึ่งการดูข่าวและตัวเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในแต่ละวัน แล้วทำการวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อ แต่ในวันนี้ ทีมงาน Forexlearning จะพาทุกคนมารูัจักกับหนึ่งในกราฟแท่งเทียนที่จะเป็นตัวช่วยในการทำกำไรจากตลาด Forex ที่นักเทรดสายเทคนิคหลาย ๆ คนนิยมใช้กัน หรือก็คือ "Pin Bar"
Pin Bar คือ แท่งเทียนรูปแบบหนึ่งที่แสดงถึงการปฏิเสธ (Rejection) หรือการกลับตัวของราคา ทำให้เทรดเดอร์สามารถนำไปใช้เพื่อหาจุดเข้าซื้อ-ขายได้ โดยจุดเด่นของ Pin Bar คือ ดูง่าย และมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปสร้างกลยุทธ์ในการเทรดได้อย่างหลากหลาย
โดยสัดส่วนของไส้เทียนกับเนื้อเทียน ตามลักษณะของ Pin Bar คือ แท่งเทียนจะต้องมีไส้เทียนที่ยาว, เนื้อเทียนสั้น และอยู่ช่วงปลายไส้ จึงจะสามารถเรียกว่า "Pin Bar" ได้
รูปภาพตัวอย่างของ Pin Bar
แท่งที่มีไส้เทียนยาวลงมาด้านล่าง แสดงถึงแรงขายที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่เกิดแรงซื้อกลับที่รุนแรงกว่า ทำให้ราคากลับมาฟื้นตัว ก่อนที่จะปิดตัวด้วยราคาสูง (High) อีกครั้ง
แท่งเทียนที่เป็น Bullish Pin Bar แบบสมบูรณ์ เนื้อเทียนควรจะเป็นสีเขียว (ราคาปิด > ราคาเปิด)
แท่งที่มีไส้เทียนยาวขึ้นมาด้านบน แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายเกิดแรงขายกลับที่รุนแรงกว่า ทำให้ราคาพลิกกลับตัว ก่อนที่จะปิดตัวด้วยราคาต่ำ (Low) อีกครั้ง
แท่งเทียนที่เป็น Bearish Pin Bar แบบสมบูรณ์ เนื้อเทียนควรจะเป็นสีแดง (ราคาปิด < ราคาเปิด)
การเทรดด้วย Pin Bar นั้น เทรดเดอร์สามารถนำ Pin Bar ข้างต้นมาใช้ดูประกอบกับการใช้เครื่องมืออื่น ๆ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการหาจุดเข้าซื้อขายสินทรัพย์ โดยเครื่องมือที่นิยมใช้ควบคู่กับ Pin Bar คือ “แนวรับ – แนวต้าน”
- “ราคาเปิด” ของแท่งเทียนที่เป็น Pin Bar “อยู่เหนือระดับแนวรับ”
- ไส้เทียนลงมาต่ำกว่าระดับแนวรับ
- ราคาปิดของแท่งเทียนนั้นไม่สามารถที่จะ Break แนวรับออกไปได้ ทำให้แท่งเทียนกลับขึ้นมาปิดเหนือกว่าระดับแนวรับ
- “ราคาเปิด” ของแท่งเทียนที่เป็น Pin Bar “อยู่ต่ำกว่าระดับแนวต้าน”
- ไส้เทียนขึ้นไปสูงกว่าระดับแนวต้าน
- ราคาปิดของแท่งเทียนนั้นไม่สามารถที่จะ Break แนวต้านออกไปได้ ทำให้แท่งเทียนกลับลงมาปิดต่ำกว่าระดับแนวต้าน
กลยุทธ์ทั้ง 2 นี้ เทรดเดอร์จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับแท่งเทียนที่เป็น Pin Bar ในการขึ้นหรือลงไปแตะระดับแนวรับ-แนวต้าน เพื่อให้การคำนวณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เทรดเดอร์อาจจะลองศึกษาการเคลื่อนที่ของราคาในอดีตเพื่อหาสัญญาณดังกล่าวก่อนเทรดจริง
ตัวอย่างที่ 2
ทั้งหมดนี้ คือ Pin Bar หนึ่งในกลยุทธ์ Price Action ที่เน้นการดูพฤติกรรมจากราคาเป็นหลัก ซึ่งโดยทั่วไปเทรดเดอร์มักใช้คู่กับแนวรับ-แนวต้าน แต่ก็สามารถนำไปต่อยอดใช้กับเครื่องมืออื่นต่าง ๆ ได้ ทั้ง RSI, Moving Average, Bollinger Bands และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อนำไปสร้าง Trade Set Up หรือกลยุทธ์การเทรดนั่นเอง
Source: LucidTrader
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมดังนี้
คอร์สเรียนสำหรับมือใหม่ ฟรี!! : คลิกที่นี่
คลังบทความความรู้เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทความรีวิวโบกเกอร์เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทวิเคราะห์รายวัน : คลิกที่นี่