ปัจจุบัน เรื่องที่กำลังได้รับความสนใจในช่วงนี้ คือประเด็นการทำ QE แต่เชื่อว่าหลายๆ คนก็กำลังเกิดข้อสงสัยกันใช่ไหมครับว่า มาตรการ QE คืออะไร แล้วส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจ? วันนี้ทางทีมงาน ForexLearning จะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมๆ กันครับ
มาตรการ QE หรือ Quantitative Easing เป็นรูปแบบหนึ่งนโยบายทางการเงินที่ไม่เป็นทางการ ที่ซึ่งธนาคารกลางได้ทำการซื้อหลักทรัพย์ระยะยาว (Long-term Securities) จากตลาดการค้าเสรี (Open Market) โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณเงิน และสนับสนุนให้เกิดการลงทุนและการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งการซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ก็จะถือว่าเป็นการเพิ่มเงินเข้ามาในเศรษฐกิจนั่นเอง และยังเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยโดยการประมูลตราสารหนี้ นอกจากนี้ยังขยายงบดุลของธนาคารกลาง
ธนาคารกลางจะทำการเพิ่มปริมาณเงินในระบบโดยจัดซื้อหลักทรัพย์ต่างๆ และพันธบัตรรัฐบาล อีกทั้งยังทำการลดดอกเบี้ย และเมื่อดอกเบี้ยลดลง ธนาคารก็สามารถปล่อยสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
สรุปง่ายๆ คือมาตรการ QE มีจุดประสงค์ที่จะกระตุ้นการไหลเวียนของเงินในระบบ โดยทำอย่างไรก็ได้ให้เงินในระบบมีมากขึ้นนั่นเอง
ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ประเทศเล็กๆ จะออกมาตรการนี้ได้ครับ โดยการทำ QE สามารถเป็นกรณีที่ใช้เงินที่มีอยู่แล้วเข้าไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงินที่ต้องการสนับสนุน แต่ในหลายกรณี เช่น มาตรการ QE สหรัฐ มีการ "พิมพ์เงิน" เพิ่มเข้าไปในระบบด้วย
การพิมพ์เงินทำให้สมดุลของปริมาณเงินในระบบเปลี่ยนไป ถ้าไม่ใช่ประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งจะไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะทั่วโลกจะไม่ยอมรับหรือไม่ให้ความเชื่อถือต่อสกุลเงินของประเทศดังกล่าว แต่กรณีของสหรัฐ ได้ "บุญเก่า" จากการที่ U.S. Dollar ถูกใช้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้ การซื้อขาย สินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก (Commodity) โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นวัตถุดิบในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกอุตสาหกรรมอย่าง "น้ำมันดิบ" ก็ยังต้องซื้อขายกันเป็น U.S. Dollar ทำให้แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังพิมพ์เงิน QE อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าทั่วโลกเชื่อมั่นในดอลลาร์ (ไม่ว่าจะเชื่อมั่นอย่างเต็มใจหรือไม่ก็ตาม) สหรัฐฯ ก็ยังสามารถทำ QE ได้โดยไม่มีปัญหา
ข้อดีของ QE สามารถสังเกตที่ความได้จากผู้คนหรือบริษัทภายในประเทศเริ่มรู้สึกไม่มั่นคงเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจ และเริ่มรู้สึกว่าการกู้ยืมเงินหรือการไปเป็นหนี้คนอื่นเป็นสิ่งที่อาจจะส่งผลอันตรายของสถานภาพทางการเงินของพวกเขา?
QE จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสภาวะแบบนี้ ย้ำอีกครั้งว่า นโยบาย QE มีผลกระทบต่อปริมาณเงินในระบบ มันจะกระตุ้นการไหลเวียนของปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ และส่งผลในเชิงจิตวิทยาทางเศรษฐกิจด้วย เพราะหากธุรกิจเริ่มใช้จ่าย คนเริ่มรู้สึกว่า "รัฐกำลังอัดเงิน" มีเงินไหลเวียนเยอะ คนจะกล้าใช้จ่าย และทำให้เงินมีการไหลเวียนมากขึ้นจริงๆ ตามที่รู้สึกทางจิตวิทยา
ปกติแล้วถ้าหาก QE มีข้อดีแล้วย่อมมีข้อเสียเช่นเดียวกัน ในเมื่อเงินมีปริมาณเพิ่มขึ้น ผลที่ตามมาคือทำให้มูลค่าที่แท้จริงของเงินลดลงนั่นเอง หรือที่เราเรียกว่าการเกิดภาวะ “เงินเฟ้อ” ดังนั้น การทำ QE ต้องพิมพ์เงินอัดเงินในระดับที่ไม่เร็วเกินไป, ช้าเกินไป หรือมากเกินไป โดยธนาคารกลางจะใช้ CPI หรือดัชนีเงินเฟ้อเป็นมาตรวัดว่า ควรจะทำ QE ต่อไปดีหรือไม่ ควรจะทำในปริมาณเท่าใด โดยทั่วไปมักคุมเงินเฟ้อไว้ในกรอบ 2% ถึง 5% ต่อปี
กล่าวโดยสรุป
QE คือการเพิ่มปริมาณเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนภายในประเทศและการปล่อยสินเชื่อให้คนในประเทศเข้ามาทำการกู้ยืม โดยประเทศแรกที่ได้ทำ QE คือประเทศญี่ปุ่น แต่ถึงอย่างไรการทำ QE ก็ไม่สามารถทำได้ตามใจครับ เพราะประเทศที่สามารถทำ QE ได้ส่วนมากนั้นต้องเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ซึ่งที่กล่าวมาทุกคนจะสังเกตเห็นได้ว่านโยบายทางการเงินมีผลค่อนข้างมากต่อค่าเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น USD หรือ EUR เป็นต้น ซึ่งนักเทรดควรศึกษาข้อมูลพื้นฐานตรงนี้ไว้ด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรดด้วยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้ดังนี้
คลังบทความความรู้ทั่วไป : คลิกที่นี่
บทความรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
คอร์สเรียนสำหรับมือใหม่ : คลิกที่นี่