ทุกวันนี้เราคงเห็นได้ชัดเลยนะครับว่าค่าเงินบาทกำลังอ่อนค่าลงอย่างมาก โดยปีนี้เงินบาทเคยมีมูลค่า อยู่ที่ 38 บาทกว่า ๆ ต่อ 1 ดอลลาร์เลยทีเดียว ในขณะที่ช่วงต้นปีนั้นอยู่ที่ 32 - 33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ ด้วยเหตุนี้เลยทำให้หลายคนสงสัยว่าธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาตินั้นมีส่วนหรือมีผลกระทบอย่างไรต่อค่าเงินบ้าง วันนี้ Forexlearning จะพาทุกคนมาหาคำตอบกันครับ
สำหรับแบงก์ชาติของไทยก็คือธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ Bank of Thailand ครับ โดยหน้าที่หลักของธนาคารแห่งประเทศไทยคือรักษาเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ และพิมพ์ธนบัตรให้พอกับความต้องการของผู้ใช้หรือคนในประเทศ
การพิมพ์ธนบัตรเพิ่มต้องพิมพ์ออกมาให้พอดีกับความต้องการในระบบเศรษฐกิจนะครับ ไม่ใช่พิมพ์ตามใจชอบ
เช่น เมื่อนักลงทุนต่างชาติต้องการลงทุนหรือซื้อสินค้าในไทย จะส่งผลให้มีความต้องการใช้เงินบาทเพิ่มมากขึ้น ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น และด้วยสาเหตุนี้จึงต้องมีแบงก์ชาติจะเข้ามาดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งเร็วเกินไป ด้วยการขายเงินบาทและซื้อเงินดอลลาร์แทน
เพราะถ้าหากว่าเงินบาทในระบบมากไปจะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อ เงินบาทมีมูลค่าน้อยลงเพราะใช้ซื้อของได้น้อยลง แบงก์ชาติจึงต้องรักษากำลังซื้อของคน ด้วยการออกพันธบัตรเพื่อดูดเงินบาทออกจากระบบนั่นเอง (การพิมพ์ธนบัตร อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น)
แบงก์ชาติมี 2 บัญชีนั่นก็คือบัญชีของแบงก์ชาติเอง และบัญชีทุนสำรองเงินตรา ซึ่งการที่ทรัพย์สินของแบงก์ชาติส่วนใหญ่เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในรูปเงินต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์เพื่อรักษาและทดแทนมูลค่าไว้ก่อน ต้องทำงบการเงินทุกปี โดยตีเป็นเงินบาท หรือเมื่อขายเงินหรือแลกเงินดอลลาร์เป็นเงินไทยจะได้คืนมากี่บาท
การที่สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยส่งผลต่อไทย 3 ช่องทางด้วยกันครับ ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน, การค้า, ตลาดการเงิน
ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนนั้น เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าก็จะส่งผลให้เงินบาทอ่อน มีผลต่อการส่งออกนำเข้า เพิ่มภาระหนี้ให้แก่ผู้มีหนี้ต่างประเทศ
ในด้านการค้าก็จะส่งผลให้ต้องใช้เงินทุนมากขึ้น แต่จะส่งผลดีต่อผู้ส่งออกครับ เพราะเมื่อขายของได้เงินต่างประเทศเท่าเดิมแต่แลกกลับมาเป็นเงินไทยก็จะได้เงินมากขึ้น แต่ส่วนของการนำเข้าแปลว่าเราต้องใช้เงินทุนเพิ่มขึ้นนั่นเอง
และในส่วนของตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้น, ตลาดตราสารหนี้, ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงิน เมื่อนักลงทุนเห็นว่าค่าเงินแข็งค่าก็จะมีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์หรือตราสารที่ได้กำไรมากขึ้นและลงทุนน้อยลงจนอาจทำให้กระทบตลาดไทยได้
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังได้มีมติให้ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 0.25% ต่อปี นั่นแปลว่าไทยเราจากที่มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.75% ต่อปี ก็จะกลายเป็น 1.00% ต่อปีแล้วครับ
และสาเหตุที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายนี้ก็เพราะว่าจะต้องแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่ไทยเรากำลังเผชิญอยู่นั่นเอง อันที่จริงจากการคาดการเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายนั้นควรทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าหรือว่าทรงตัวให้ไม่ลดลงจากเดิม แต่กลายเป็นว่าอ่อนค่าลงกว่าเดิม
สาเหตุหลักนั่นก็เพราะว่าค่าเงินสหรัฐแข็งค่าครับ ไม่ใช่ว่าค่าเงินบาทไทยอ่อนลงหนักมากกว่าเดิมแต่อย่างใด แต่ว่าผลของการแก้เงินเฟ้อและเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกานั้นทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เรียกได้ว่าเป็นสกุลเงินหลักของโลกมีความแข็งแกร่งและแข็งค่ามากขึ้น เลยทำให้ดูเหมือนว่าเงินไทยอ่อนค่าลงมากนั่นเอง ซึ่งทางไทยเราก็มีความพยายามจะเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจและเงินบาทอยู่ครับ
กล่าวโดยสรุป การขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาตินั้นจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้นั้นไม่ได้เป็นความจริงเสียเท่าไหร่ เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีความแข็งค่ามากขึ้น รวมถึงไทยเรากำลังเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้ออยู่ด้วย ดังนั้นต้องคอยดูแล้วครับว่าทิศทางของเศรษฐกิจในประเทศเราจะเป็นไปแบบไหนต่อ
ขอบคุณข้อมูลจาก : รู้จริงเศรษฐกิจไทย, ไทยรัฐ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมดังนี้
คอร์สเรียนสำหรับมือใหม่ ฟรี!! : คลิกที่นี่
คลังบทความความรู้เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทความรีวิวโบกเกอร์เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทวิเคราะห์รายวัน : คลิกที่นี่
