1. ไม่ได้เทรดลองกับ Demo ก่อน
การเทรด Demo ไม่ได้มีข้อดีไปเสียทั้งหมด แต่มันมีประโยชน์ 2 อย่าง 1 สำหรับการฝึกใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ ฝึกความเคยชินกับเครื่องมือให้คล่อง อย่างที่ 2 เพื่อทดสอบระบบ ก่อนที่จะนำไปใช้งานจริง สำหรับการฝึกใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ เราอาจจะต้องฝึกและใช้เวลานาน เราจึงต้องเทรดเดโมไปอีกนาน ทางที่ดีช่วงแรก ๆ คุณควรฝึก Demo ทำความเข้าใจกับระบบตรรกะพื้นฐาน ว่าค่าเงินทำงานอย่างไร จำนวน Lot เป็นอย่างไร ส่ง Lot เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม Indicator แต่ละตัวมีการคำนวณอย่างไร Function การใช้งานของโปรแกรม MT4 มี key ลัด หรือว่าเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการเทรดอะไรบ้าง เมื่อคุณใช้งานคล่องแล้วค่อยลงเงินจริง ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจความมุ่งมั่นในการเทรด หลังจากนั้น เมื่อคุณสร้างระบบเทรดได้แล้ว ประโยชน์อันที่ 2 ของ บัญชี Demo คือ การทดสอบระบบ ก่อนที่คุณจะรัน ระบบจริง ๆ คุณต้องทดสอบก่อน แม้ว่าคุณจะทำการ Back Test มาแล้วก็ตาม บางครั้งมันอาจจะไม่ได้ทำงานอย่างที่คุณคิด ซึ่งการทดสอบด้วย Demo เป็นสถานการณ์ที่ใกล้ความจริง โดยเฉพาะการใช้ Expert Advisor การใช้ บัญชี Demo ย่อมมีความจำเป็นอย่างยิ่ง หลายคนบอกว่า เฮ้ย ลองมาเยอะแล้วเอาบัญชีจริงเลยก็แล้วกัน นั่นแหละครับ ความชิบหายบังเกิด ล้างพอร์ทเพราะประมาทแบบนี้ก็เจอมาเยอะแล้ว
2. ออกแบบระบบซับซ้อนเกิน
บางคนออกแบบระบบ ไว้ซับซ้อนเกินไป เนื่องจากระบบมันมีปัญหาก็เลยเพิ่ม indicator เพื่อช่วยกรองสัญญาณ หรือว่ายืนยันสัญญาณ การเพิ่มตัวกรองหรือยืนยันสัญญาณ นั่นหมายความว่า จะต้องสร้างกฏที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับ Indicator แต่ละตัว สมมุติว่า ถ้า indicator 1 ตัวมีกฏการเทรด 3 ข้อ ใส่ indicator เข้าไป 3 ตัวกฏการเทรดจะกลายเป็น 9 ข้อ ปัญหาคือ การทำตามระเบียบวินัยการเทรดจะเริ่มลำบาก เพราะว่า จำนวนกฏที่จะต้องใส่ใจเยอะเกินไป บางคนผมเห็นใส่ indicator เข้าไป มากกว่า 10 ตัว จนหน้าจอจะมองไม่เห็นกราฟแท่งเทียนแล้ว อ่านสัญญาณจาก Indicator อย่างเดียว รู้กันหรือไม่ว่า ไม่มีอะไรสะท้อนราคาได้ดีกว่าราคามันเอง
3. ไม่ยอมรับผลของการขาดทุนว่าเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์
มีบางแนวคิดที่บอกว่า “ไม่ขายไม่ขาดทุน” นั่นเป็นแนวคิดส่วนใหญ่ที่ใช้ในตลาดหุ้น เพราะว่ามันไม่ได้ใช้ Leverage ครับ อย่างไรก็ตามตลาด Forex ไม่เหมือนกัน ผมเคยเห็นบางคนเทรดใช้ lot น้อยมาก ๆ น้อยจนกำไรนั่นก็น้อยตามไปอีกนั่นแหละครับ การใช้ Lot ขนาดเล็ก แล้วคิดว่าจะไม่ล้างพอร์ท โดยไม่ตั้ง Stop loss แล้วพอส่งรวมกันขนาดใหญ่มาก ๆ เข้าก็ทำให้เจอกับสถานการณ์ลำบากเข้าได้ นอกจากระบบที่ไม่ตั้ง Stop loss แล้ว ยังมีระบบการ Hedge นั่นคือ ยังไม่ยอมรับการขาดทุนตอนนี้ โดยส่งออเดอร์ฝั่งตรงข้ามเพื่อลดผลของมันไปก่อน การส่งออเดอร์ Hedge คือการยอมรับไปแล้วว่าขาดทุนแต่เปิดออเดอร์ตรงข้าม สิ่งที่เสียเพิ่มคือ SWAP เราก็ต้องนั่งเสีย SWAP ไปครับ สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ยอมรับผลขาดทุน การเทรดมันต้องมีขาดทุน เมื่อคุณปรับ mindset นี้ระบบของคุณก็จะเปลีย่นไปด้วย
4. คิดแต่จะทำกำไร แต่ไม่สนใจการเทรด
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ เพราะเราคิดว่า เราจะได้กำไรเท่าไหร่ หลังจากที่เราได้ทดสอบระบบของเราแล้ว เราเห็นแต่ตัวเลขว่า % win เท่านี้ Risk : Reward เท่านี้ จนลืมไปแล้วว่า จุดอ่อนของระบบคืออะไร ศึกษาจุดอ่อน ทำความเข้าใจจุดอ่อน และระวังตรงจุดอ่อนไว้ นั่นเป็นสิ่งที่หลายคนไม่ได้ทำ การปิดจุดอ่อนตัวเองอาจจะไม่ดีเพราะว่า มันอาจจะไปโผล่ตรงส่วนอื่นก็ได้ ถ้าเราปิดได้ มันคงไม่ใช่จุดอ่อนของระบบครับ ไม่มีอะไรดีพร้อมในโลกแต่เราต้องเข้าใจมัน การคิดแค่ว่าจะทำเงินได้เท่าไหร่มันจะครอบงำสติของเรา
5. ไม่ได้ใช้ Money Management
การไม่ได้ใช้ Money Management เหมือนล่องเรือแล้วอ่านทิศทางไม่เป็น ดูดาวไม่เป็น ไม่มีเข็มทิศ ใช้ตากะเอาล้วน ๆ สิ่งที่ได้คือ ไปไม่ถูกทางเพราะว่าสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา บางครั้งเราอาจจะเห็นว่ามันเสี่ยงทั้งที่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เสี่ยงมาก หรือเราอาจจะเห็นว่านี่ไม่ค่อยเสี่ยง แต่จริง ๆ แล้วมันเสี่ยงมาก การไม่มี Money Management เหมือนกับเทรดไม่ได้วางแผนมาก่อนนั่นแหละครับ เลวร้ายมาก