หากเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งใดสิ่งนึง แน่นอนว่า เส้นทางที่ทุกคนเลือกล้วนแตกต่างและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนนึงก็เลือกที่จะเดินตามรอยผู้ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อประยุกต์กลยุทธ์และเทคนิคต่าง ๆ มาใช้กับตัวเองและก้าวสู่ความสำเร็จที่ตั้งไว้
ในการเทรด Forex ก็เช่นกัน ไม่สำคัญว่าคุณจะใช้วิธีการเทรดแบบใด ความสำเร็จในตลาดนั้นขึ้นอยู่กับคุณ การประยุกต์ใช้กลยุทธ์และเทคนิคต่าง ๆ จากมืออาชีพ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนถือว่ามีความน่าเชื่อถือ แต่นั้นไม่ใช้ทั้งหมด นอกจากที่คุณทำตามมืออาชีพแล้วนั้น คุณจะต้องวิเคราะห์และประยุกต์ใช้กลยุทธ์ให้เหมาะกับการเทรด Forex ของคุณด้วย และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ เมื่อเราตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรด Forex แล้ว การใช้เวลาและความพยายามในการควบคุมจนถึงจุดที่การเทรดของคุณประสบความสำเร็จนั้น เป็นเรื่องของหลักการและความมุ่งมั่นเช่นกัน
ในบทความนี้ ทาง Forexlearning.co ได้รวบรวมกลยุทธ์การเทรด 3 กลยุทธ์ที่นักเทรดทั่วโลกใช้และแนะนำกันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้เทรดเดอร์ทุกคนที่สนใจได้ศึกษากัน
กลยุทธ์การเทรด Forex คืออะไร?
กลยุทธ์การเทรด Forex คือ วิธีการที่เป็นระบบหรือแบบแผนที่เทรดเดอร์กำหนดขึ้น เพื่อใช้ในการซื้อและขายในตลาด Forex กลยุทธ์การเทรด Forex จะเป็นอย่างไร จะเรียบง่ายหรือซับซ้อนนั้น ขึ้นอยู่กับเทรดเดอร์ที่เป็นคนกำหนด ซึ่งเทรดเดอร์จะพิจารณาตามลักษณะนิสัยของตัวเทรดเดอร์เอง รวมไปถึงพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น เทรดเดอร์เป็นคนที่มีเวลาในการเทรดน้อย เลยจำเป็นที่จะต้องกำหนดกลยุทธ์การเทรดแบบสัปดาห์ละครั้ง โดยจะถือออเดอร์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เป็นต้น สำหรับกุญแจสำคัญของการเทรด Forex คือ เทรดเดอร์ต้องกำหนดกลยุทธ์การเทรดโดยใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ และจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ โดยที่เทรดเดอร์จำเป็นที่จะต้องมีการประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเทรดเป็นระยะ เพื่อที่จะได้รับมือหรือปรับเปลี่ยนแผนการเทรดตามสภาพตลาดหรือเป้าหมายส่วนบุคคลที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกลยุทธ์การเทรดที่ทั่วโลกนิยมใช้จะมี 4 กลยุทธ์ดังต่อไปนี้
1. Scalping Trading
กลยุทธ์การเก็บกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ ตั้งแต่หน่วยชั่วโมงไปจนถึงนาที โดยจะไม่ได้ดูผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น เพราะกลยุทธ์จะใช้การเข้าออกที่ไวมาก จะเน้นทำกำไรจากการแกว่งตัวสั้น ๆ ของราคา โดยส่วนใหญ่จะการเทรด Scalping จะพึ่งพาการเคลื่อนไหวราคาจากข่าวที่สำคัญ ณ เวลานั้น เช่น ข่าว Non-Farm หรือจากการย่อของราคาในระยะสั้น ๆ
ตัวอย่าง Scalping Trading
เหตุผลการเปิดออเดอร์
จากภาพข้างต้น ได้มีการใช้เหตุผลในการเข้าเทรดในฝั่งขา Buy ในผลิตภัณฑ์ทองคำหรือ XAUUSD ที่จุด Entry ใน Timeframe 5m จากการยืนยันสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ Stochastic ที่มีการตัดกันของเส้น %K (สีฟ้า) กับ %D (สีส้ม) ที่ทำการตัดกันขึ้นไป (ลูกศรสีเหลืองด้านล่างสุด) ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนทิศทางของราคาเป็นฝั่งขาขึ้น
เหตุผลการปิดออเดอร์
สามารถให้เหตุผลการปิดกำไรในจังหวะที่อินดิเคเตอร์ Stochastic ได้ทำการขึ้นไปถึงระดับ 80 ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงระดับการ Overbought หรือปริมาณการซื้อที่มากเกินไป และด้วยเหตุผลของการที่อินดิเคเตอร์ Stochastic นั้นได้มีการตัดกันลง ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนทิศทางของราคาเป็นฝั่งขาลง โดยในการเทรดนี้จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ซึ่งสามารถหวังผลกำไรได้ที่ประมาณ 500-700 จุด โดย RR อยู่ที่ประมาณ 2.5 ถ้าหากใครเป็นนักเทรดสาย Sniper ที่ชอบลง Lot หนัก ๆ ก็ถือว่าเป็นกำไรที่พอหอมปากหอมคอเลยทีเดียว
ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี
- สามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
- หาจังหวะเข้าได้หลากหลาย
ข้อเสีย
- ต้องเฝ้ากราฟอยู่ตลอดเวลา
- ประสิทธิภาพในการเทรดค่อนข้างต่ำ
2. Day Trading
เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ซื้อและขายจบภายในวันเดียว ไม่มีการถืออเดอร์ข้ามคืน เหมาะกับเทรดเดอร์สายเก็งกำไรที่มีเวลาดูตลาดทั้งวัน เพราะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาตลอดชั่วโมงการเทรด
ตัวอย่าง Day Trading
เหตุผลการเปิดออเดอร์
จากภาพข้างต้น สามารถให้เหตุผลของการเข้า Buy ในผลิตภัณฑ์ทองคำ (XAUUSD) ที่จุด Entry ใน Timeframe 1h จากการยืนยันสัญญาณของอินดิเคเตอร์ Stochastic ที่ตัดกันขึ้น (ลูกศรสีเขียว) ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาเป็นฝั่งขาขึ้น
เหตุผลการปิดออเดอร์
สามารถให้เหตุของการปิดทำกำไรที่จุด Exit ได้จากการตัดกันลงของอินดิเคเตอร์ Stochastic อีกเช่นเดิม และราคาได้ขึ้นไปชนบริเวณแนวต้าน และตัวแท่งเทียนได้ทำการทิ้งไส้เป็นทางยาว ซึ่งเป็นการยืนยันชัดเจนว่าราคากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางเป็นขาลง โดยการเทรดนี้ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง และสามารถหวังผลกำไรอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 2,000 จุด โดย RR จะอยู่ที่ประมาณ 2.7 และถือว่าเป็นกำไรที่พอเหมาะพอดีสำหรับการเทรดใน 1 วัน
ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี
- สร้างกำไรจากการลงทุนภายในวันเดียวกัน
- ไม่ต้องนั่งเฝ้ากราฟทั้งวัน
- เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ถึงมีเงินทุนเริ่มต้นน้อยก็สามารถลงทุนได้
ข้อเสีย
- ต้องมีประสบการณ์สูง เพื่อวางแผนการลงทุนให้ได้กำไรสูงที่สุด
3. Swing Trading
เป็นลักษณะการย่อซื้อ คือรอให้ราคาย่อตัวก่อน ค่อยหาจังหวะในการเข้าซื้อ แล้วรอราคาเด้งค่อยขาย กลยุทธ์นี้จะเป็นลักษณะการกินกำไรเป็นรอบ ๆ เก็บรอบการแกว่งตัวของราคา โดยโอกาสการชนะของกลยุทธ์นี้ค่อนข้างสูง โดยจะใช้เวลาในการถือออเดอร์ประมาณ 3-14 วัน
ตัวอย่าง Swing Trading
เหตุผลการเปิดออเดอร์
จากภาพข้างต้น สามารถให้เหตุผลของการเข้า Buy ในผลิตภัณฑ์ทองคำ (XAUUSD) ที่จุด Entry ใน Timeframe 1h จากการยืนยันสัญญาณของอินดิเคเตอร์ Stochastic ที่ตัดกันขึ้น (ลูกศรสีเขียว) ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาเป็นฝั่งขาขึ้น และตัวแท่งเทียนที่ขานรับจากการตัดกันของ Stochastic ที่ทำการทิ้งไส้เทียนเป็นทางยาว
เหตุผลการปิดออเดอร์
สามารถให้เหตุของการปิดทำกำไรที่จุด Exit ได้จากการตัดกันลงของอินดิเคเตอร์ Stochastic ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลทิศทางเป็นขาลง (ในกรณีนี้เทรดเดอร์อาจจะเลือกถือออเดอร์ต่อไปได้ แต่ในกรณีตัวอย่างนี้ จะปิดทำกำไรตามสัญญาณอินดิเคเตอร์ Stochastic ที่ตัดกันลงในครั้งที่ 2 เท่านั้น เพื่อเป็นตัวอย่างในการควบคุมความเสี่ยงและการคาดหวังเป้ากำไรที่ 4,000 - 7,000 จุดนั่นเองครับ) ซึ่งในการเทรดนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 วันขึ้นไป แล้วแต่เป้าของเทรดเดอร์ และสามารถคาดหวังกำไรได้ตั้งแต่ 3,000 จุดขึ้นไป โดยจะมี RR อยู่ที่ประมาณ 4.2 และหากว่าใครได้เข้าตรงนจุดนี้ก็ถือว่าเป็นการทำกำไรที่มหาศาลเลยทีเดียว
ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี
- เป็นการเทรดที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง
- สามารถหวังผลกำไรได้ค่อนข้างสูงต่อการเทรด 1 ครั้ง
- ไม่ต้องเฝ้าจอตลอดเวลา
ข้อเสีย
- เทรดเดอร์ต้องพึ่งพาประสบการณ์การวิเคราะห์ที่สูง เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์เพื่อถือทำกำไรในระยะเวลาที่ยาวนาน
- ต้องใช้ต้นทุนการเทรดที่สูง เนื่องจากบางครั้ง พอร์ตอาจจะต้องทนการขาดทุนสักระยะ เพื่อกลับตัวมาเป็นกำไร
- ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก
สรุป
เทรดเดอร์ทุกคนสามารถได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้และพิจารณากลยุทธ์การเทรด Forex ทั้งสามประเภทที่กล่าวถึงข้างต้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่านี่จะเป็นกลยุทธ์หลัก แต่ก็ยังมีกลยุทธ์เสริมย่อย ๆ อีกมากมายที่ต้องพิจารณา คุณต้องคิดให้ออกว่า กลยุทธ์ใดจะได้ผลดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีกลยุทธ์ใดที่ดีหรือแย่ที่สุด แต่อยู่ตัวเทรดเดอร์เอง ว่ากลยุทธ์ใดที่เหมาะกับตัวเอง และสามารถนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ เทรดเดอร์จะต้องศึกษากลยุทธ์การเทรด Forex เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียให้ดี เพื่อให้เจอกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับคุณ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมดังนี้
คอร์สเรียนสำหรับมือใหม่ ฟรี!! : คลิกที่นี่
คลังบทความความรู้เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทความรีวิวโบกเกอร์เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทวิเคราะห์รายวัน : คลิกที่นี่