การเทรด Forex ระยะสั้น หมายถึงการเทรด โดยมีระยะเวลาการถือครอง position ตั้งแต่ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงระยะเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยไม่เกินนี้ โดยสัมพันธ์กับ Time Frame ที่ทำการเทรด หรือ Time Frame ที่ใช้ในการเทรด เช่น Time Frame 1H หรือ 4H ซึ่งระยะเวลาในการถือครองจะสอดคล้องกับการวิเคราะห์ โดยการเทรดระยะสั้นเป็นการเทรดที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากต้องการทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็ว การทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็วสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างการเจริญเติบโตของพอร์ทได้เร็ว ในกรณีที่ทำกำไรได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex แบบระยะสั้นก็ทำให้พอร์ทการลงทุนลดลงได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน ซึ่งจะมีอธิบายในเทคนิคการเทรด Forex ระยะสั้นนี้
เทคนิคในการเทรด Forex สามารถแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ได้แก่ การเทรดระยะสั้นมาก ๆ คือการเทรด Scalping ซึ่งเป็นการถือ Position ในระดับหลักชั่วโมง และถือไม่เกิน 1 วัน เรียกทั่วไปว่า Day Trader หรือถ้าหากเป็นการเทรดระยะสั้น คือการเทรด แบบ Swing Trade จะถือ position ยาวขึ้นมาหน่อย คือ ระยะ 1 วัน จนถึงระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวทำให้ต้นทุนการถือ position ไม่มีนัยสำคัญมากนัก การเทรดระยะกลาง คือการถือ Position หลัก 1 – 2 เดือน ขณะที่การเทรด ระยะยาว หรือ Long Term Trading เกี่ยวข้องกับการเทรด โดยใช้พื้นฐานเศรษฐกิจ นโยบายการเงินในการวิเคราะห์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบาย 1 ครั้งต้องอาศัยผลของมันในระยะยาว จึงอาจจะเรียกว่า การเทรดระยะยาวอาจจะต้องถือ position เป็นปี ๆ เลย ซึ่งวันนี้เราจะมาขยายความการเทรดระยะสั้นกันก่อน ดังนี้
ข้อได้เปรียบของการเทรดระยะสั้น คือ การเทรดระยะสั้นสามารถคาดการณ์ได้ง่าย การคาดการณ์ได้ง่ายหมายความว่า อย่างไร การเทรดระยะสั้นคือการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคล้วน ๆ ซึ่งการคาดการณ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้ Time Frame ที่ใหญ่ว่าในการคาดเดาทิศทาง สิ่งที่คนเทรดระยะสั้นต้องระวังคือ การไม่เผลอถือ position นอกเหนือแผนการเทรดของตัวเอง เพราะว่า ถ้าหากเราไม่ตั้ง Stop loss แล้วผลการเทรดที่ขาดทุนจะนำไปสู่การลดลงของพอร์ทอย่างใหญ่หลวง เนื่องจาก การเทรดระยะสั้น ระยะทางการวิ่งของราคาจะน้อย ทำให้ส่ง Lot ใหญ่เพื่อชดเชยกับระยะทาง ดังนั้น หากเราไม่ใส่ Stop loss ในการเทรดระยะสั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอะไรบ้าง
ข้อดีของการเทรดระยะสั้นอีกอย่างคือ เราไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะยาว เราสามารถตั้ง Position และเปิด Stop loss ไว้ เมื่อมันชน Stop loss ก็คือ จบการเทรด เราไม่ต้องเผชิญกับภาวะจิตใจที่ต้องรู้สึกว่าจะต้องทนกับการถือ position ลองดูการเทรดระยะยาว ที่ต้องถือ position ข้ามปี และต้องถือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน (Swap) ทำให้กำไรที่กว่าจะได้มานั้นบางครั้งอาจจะไม่ Cover ขาดทุนจาก Swap ด้วยซ้ำ ซึ่งการเทรดระยะสั้นไม่ต้องเผชิญข้อนี้
อย่างไรก็ตามการเทรดระยะสั้น นั้นยังมีข้อเสียที่ตามมาอย่างชัดเจน คือ การเผชิญกับภาวะจิตใจที่ขึ้น ๆ ลง เช่น ถ้าหากเราขาดทุนติด ๆ กันสัก 6 ครั้ง เราจะหงุดหงิดและโมโห อยากจะเอาคืน ซึ่งมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะทำอะไรโดยไม่คิด ขาดสติจากการโมโหนั้นและโดยการส่ง Lot ขนาดใหญ่เพื่อจะเอาคืน ซึ่งหลายคนก็เกิดอาการฟิวส์ขาดนี้ได้บ่อย ๆ นอกจากนี้ การเทรดระยะสั้น อาจจะทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ นั่นเพราะว่า เมื่อเราขาดทุนในระยะสั้น เรายังขาดทุนได้บ่อยครั้งกว่าการถือ position ในระยะยาว เมื่อขาดทุนติด ๆ กันทำให้การกลับมาใหม่เพื่อทำให้ได้ระดับที่เท่าทุนนั้นยิ่งทำได้ยาก
จากข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบดังกล่าว การเทรดระยะสั้นนั้น เทรดเดอร์ต้องฝึกให้มีความชำนาญ และสามารถป้องกันปัญหาข้ออ่อนของมันไม่ให้เกิดขึ้น โดยการไม่ทำตามอารมณ์ ทำตามแผนการเทรด จะทำให้ไม่นำตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้
การเข้าเทรดในการเทรดระยะสั้น นั้นจะต้องใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับ Time Frame โดยกลยุทธ์การเทรดนี้จะพูดถึง การเข้า การออก จากการเทรด ซึ่งรวมถึงเครื่องมือและ indicator ต่างที่ควรใช้ ดังนี้
การเข้าเทรด การเทรดระยะสั้น เป็นการเทรด Swing ประเภทหนึ่ง ซึ่งเครื่องมือประเภทเทรด Swing ก็จะสามารถใช้ Stochastic RSI หรืออาจจะใช้เครื่องมือประเภทเทรนด์ได้ แต่ว่าจะต้องใช้ Time Frame เล็กกว่าที่กำหนด ในตัวอย่างนี้ผมจะใช้ Stochastic ในการจัดการการเข้าเทรด โดยเลือก Time Frame 4 ชั่วโมง ซึ่งรอบของการขึ้นลงต่อรอบเท่ากับ ประมาณหลักสัปดาห์ ดังภาพต่อไปนี้
จากภาพที่ 2 จะเห็นว่า กรอบระยะเวลาที่ใช้ในการเทรด คือกรอบ 4 ชั่วโมง แต่ระยะเวลาที่เทรนด์กินเวลานั้นกินระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาการถือจะอยู่ในช่วงนี้ เกือบทุกครั้ง สำหรับการเข้าเทรด เราใช้หลักการง่าย ๆ นั่นคือ
ส่ง Buy เมื่อ Stochastic เกิดสัญญาณ Oversold หรือ ตัดลงต่ำกว่า ระดับ 20 ขณะที่ การส่ง Sell คือการส่งเมื่อเกิดสัญญาณ Overbought ซึ่งการเทรดต้องมีการตั้ง Stop loss ทุกครั้ง เนื่องจากขนาดของการส่งคำสั่งมีขนาดใหญ่ ไม่เช่นนั้นถ้าหากเกิดข่าวไม่ดีออกมาอาจจะทำให้การขาดทุนนั้น ขาดทุนแบบไม่มีจุดสิ้นสุดได้
จากภาพจะเห็นสัญญาณเทรด Buy และ สัญญาณ Sell ของการเทรด ซึ่งบางช่วงของการเข้าเทรดอาจจะไม่ใช่ราคาต่ำสุด ซึ่งถ้าหากเราไม่เพื่อช่องราคาให้มันวิ่ง มันอาจจะชน Stop loss และดีดขึ้นจนทำให้เราหงุดหงิด ซึ่งเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว เราควรต้องประมาณการว่า ระยะห่างที่จะเหมาะสมกับการตั้ง Stop loss โดยการคำนวณจุดเข้าและจุดที่มันวิ่งไปอีกเท่าไหร่ สัก 100 ครั้งก็จะได้ระยะทางเฉลี่ย โดยเราอาจจะใช้ค่าสูงสุด บวก 10 pip ก็ได้ เมื่อกำหนดได้แล้วจะได้รู้ว่า RisK Reward ของการเทรด จากคาดการณ์กำไรที่จะไปเท่ากับเท่าไหร่
นอกจากากรตั้ง Stop loss แล้ว เราควรทำการตั้ง Trailing Stop เพื่อป้องกันออเดอร์ที่กำไรกลับกลายเป็นออเดอร์ขาดทุน ในกรณีที่มีการถือ position ข้ามคืน ตอนกลางคืนไม่ได้ดูทำให้เราไม่ต้องกังวล แม้ว่ากำไรอาจจน้อยไปบ้างเพราะมันอาจจะย้อนกลับมาชนการแกว่งตัวของราคา แต่ก็ทำให้ความปลอดภัยนั้นเพิ่มขึ้น
การจัดการการเงิน และ แผนการเทรด นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนสำหรับการเทรดระยะสั้น สิ่งที่ยากกว่าคือ การรักษาวินัยให้ได้ตามการวางแผนการลงทุน โดยการจัดการการเงินที่ดีที่สุดสำหรับระบบการเทรดแบบนี้ คือ การเสี่ยงทีละ 1 – 2 % เท่านั้น ขณะที่ควบคุม Risk Reward ให้ได้ใกล้เคียงกับ 1:2 ทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่างหนึ่งของแผนการเทรดคือ การทำ Journal เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง
ขณะที่แผนการเทรดนั้น ควรจะต้องมีการวางเป้าหมาย โดยเป้าหมาย คือการอยู่ให้รอดในตลาดให้นานที่สุด ในตลาดเราไม่รู้ว่โอกาสของเราจะมาในวันไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทำได้คือ การอยู่รอดเพื่อให้วันที่เราจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำมาถึง นั่นคือวันที่เราสามารถทำกำไรติด ๆ กันได้ ถ้าหากอยากประสบความสำเร็จเราต้องให้ความสนใจกับ Consecutive win เพราะว่านั่นคือวิธีที่จะทำให้พอร์ทลงทุนเติบโต
1.กำหนดจุดเข้าออก
2.กำหนดปริมาณการเทรด
3.การเขียนบันทึกการเทรดก่อนเทรด
4.บันทึกการเทรดหลังการเทรด
5.ติดตามการเทรดเมื่อมีกำไรหรือขาดทุน
6.ปรับออเดอร์และแผนการเทรด
แผนการเทรดเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเติบโตในระยะยาว ซึ่งเราควรพัฒนาแผนการเทรดและปรับปรุงมันอยู่เสมอ การพัฒนาแผนการเทรดที่ดีนั้นควรจะต้องมีหลักการและเหตุผล โดยอ้างอิงตามลักษณะปัญหาของการเทรดที่เกิดขึ้น เทรดเดอร์ต้องทำหน้าที่เป็นนักจิตวิทยาของตัวเองในการแก้ไขปัญหาของตัวเอง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมดังนี้
คอร์สเรียนสำหรับมือใหม่ ฟรี!! : คลิกที่นี่
คลังบทความความรู้เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทความรีวิวโบกเกอร์เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทวิเคราะห์รายวัน : คลิกที่นี่